Side Story of Shirley Southsea [EXPIV]
Characters: Iggy, Shirley
Special Thanks to: ผปค.อิกกี้ *โค้ง ๆ*
Side Story:
(1)
เริ่มต้นผจญภัย
เจ้าเชื่อว่าคนบนโลกนี้มีอยู่สองประเภท –
คนแห่งแผ่นดินกับคนแห่งทะเล และมันไม่ได้เกี่ยวกันว่าคนเหล่านั้นต้องอยู่บนดินหรือบนทะเล
มันเกี่ยวกับบุคลิก เกี่ยวกับท่าทาง เกี่ยวกับกลิ่นอายและสัมผัส
เกี่ยวกับวิธีที่ชาวทะเลเดินบนดิน และวิธีที่ชาวบกร่ายรำบนทะเล
ยากนักที่เจ้าจะบรรยายได้ว่าคนทั้งสองประเภทต่างกันอย่างไร เจ้าเพียงแต่ซึมซับ มันคือการก้าวไปสู่บทสรุปอย่างรวดเร็วเกินควร
จนอาจเสียมารยาทต่อผู้อื่น แต่อย่างน้อยในคราแรกที่สนทนากับใคร... การสรุปเล็ก ๆ
น้อย ๆ ว่าคนผู้นั้นเป็นชาวทะเลหรือชาวบกก็คงไม่ทำอันตรายอะไร—ไม่อันตรายกระมัง
อิกกี้เป็นคนแห่งทะเล
เจ้ามิได้คิดแบบนั้นตั้งแต่แรกเห็นเขาดอก
และไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเดินสายอาชีพของเขาอยู่บนทะเลด้วย
เขาเพียงแต่ไม่มีลักษณะของคนที่จะเลือกแผ่นดินผืนเดียวเป็นของตัวเอง เขาดู... มีกลิ่นอายของชาวพเนจร
เจ้าพบอิกกี้เป็นครั้งแรกที่ร้านหนังสือ
เจ้าเดินอย่างระวังตอนเข้าไปตรงแผนกชั้นวางที่ค่อนข้างแคบ
พยายามไม่ให้ขวานเล่มโตที่เหน็บไว้บนหลังโดนอะไร ก่อนจะหยิบหนังสือจากแผนกหนังสือเข้ามาใหม่
ระหว่างที่กำลังยืนเปิดอ่านอยู่นั้นเอง
เจ้าก็เหลือบเห็นบุรุษแว่นตากลมคนหนึ่งเข้ามาในร้านจากหางตา ลักษณะเหมือนชาวลาเอล
—คนบนบกมีอยู่สองประเภทสำหรับเจ้า บนดินกับบนทราย
เมื่อแรกเห็นเจ้านึกภาพว่าหากเขาเป็นชาวบก เขาก็คงเป็นคนบนทราย
คงไม่เป็นไรหากจะชวนคุยคนบนทราย ใช่ว่าเจ้าจะพบชาวลาเอลที่ให้กลิ่นอายของทะเลทรายบ่อยนัก
เจ้าเอ่ยถึงหนังสือออกใหม่ในมือเจ้า คุยไปเพียงครู่เดียวเจ้าก็เริ่มหาข้อสนทนาไปเรื่อย
“ท่านชอบอ่านหนังสือแนวใดฤา”
“นิยาย บทกวี วิชาการ ประวัติศาสตร์ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ
มันไร้สาระ” เขาตอบ เปิดผ่านหน้าหนังสือในมือ ก่อนจะเก็บมันเข้าชั้นแล้วหยิบเล่มใหม่มา
“ข้าก็ไม่ชอบเรื่องลี้ลับเป็นพิเศษเหมือนกัน
แต่กำลังอยู่ในช่วงที่อยากอ่านบทกวี... ท่านเป็นคนในเมืองนี้หรือ” เจ้าถาม
“อ้อ เปล่า ข้าแค่คนทำธุรกิจที่ผ่านมา”
ชายสวมแว่นที่ดูคล้ายจะมาจากทะเลทรายนั้นปิดหนังสือลง ก่อนจะหันมามองหน้าเจ้า
พลางว่า “เดี๋ยวข้าก็ไปแล้ว”
ไม่ใช่คนของซิมาฟ? นักเดินทาง?
เจ้าแสดงอาการสนอกสนใจ “ธุรกิจแบบที่… ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
อะไรแบบนั้นหรือ ท่านอยู่ระหว่างการเดินทาง?”
“ถามมากจังนะนี่? ไม่เห็นเหรอว่าข้าเลือกของอยู่”
“อา ขออภัย
ข้าเพียงแต่กำลังหางานใหม่อยู่น่ะ อยากเดินทางด้วย” เจ้าหันหลังไปเลือกหนังสือต่อ
ส่งผลให้ขวานฟาดขาอีกคนโดยไม่ทันตั้งใจ
"เฮ้ย! ระวังหน่อยสิวะ!"
เจ้ากระโดดสั้น ๆ ถอยออกมา “โอ๊ะ… ไม่ทันเห็น
เจ้านี่มันเทอะทะหน่อย แต่ข้าก็ขาดมันไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะรู้สึกว่าหลังโล่ง ๆ ไปหน่อย”
เขาจิ๊ปากก่อนจะหันไปเลือกหนังสือต่อ
พวกเจ้าเงียบกันไปพักใหญ่ ก่อนจะได้เอ่ยปากคุยกันอีกครั้งระหว่างที่กำลังเดินออกจากร้านหนังสือ
“ซื้ออะไรน่ะ” เขาถาม พลางมองของในมือเจ้า
“หนังสือกวีเล่มหนึ่ง
กับหนังสือที่พูดถึงเมื่อกี้ แล้วก็แผนที่ อันเก่าของข้ามันหลายปีมาแล้วเหมือนกันน่ะ
ท่านล่ะซื้ออะไรบ้าง”
"ประวัติศาสตร์" เขาตอบ แล้วหยิบหนังสือในมือเล่มแรก
เล่มสอง—"ประวัติศาสตร์" และเล่มสาม—"ประวัติศาสตร์"—ขึ้นมาให้ดูจนครบ
ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ทำไมถึงพกขวานเล่มใหญ่ขนาดนี้? มันไม่เกะกะรึ”
ตาเจ้าเคลื่อนมองตามหนังสือ “ก็เกะกะบ้าง
แต่ข้าถนัดใช้ไปแล้ว
อาวุธแบบนี้พอเอามาฝึกเหวี่ยงจนไม่มีปัญหาเรื่องความเร็วแล้วก็ใช้ได้ดีเยี่ยม… ถ้าสมมุติเจอกรณีที่โดนคนกลุ่มใหญ่หาเรื่อง
หรือไปหาเรื่องกับเขา” เจ้าหลุดขำเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าบางอย่างในคำตอบนั้นจะเพียงพอแก่การนำพาให้เขาเอ่ยชวนเจ้าไปคุยต่อกันที่อื่น
ซึ่งเจ้าก็ตอบตกลงอย่างยินดี—เจ้าเบื่อหน่ายกับกิจกรรมอื่นในชีวิตประจำวันมานานเกินพอแล้ว
การคุยกับคนแปลกหน้าและหน้าแปลกนับเป็นความคิดที่ดี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใส่ใจจะผูกมิตรกับเจ้า
เพียงแต่ต้องการตัดพูดประเด็นอะไรก็ตามที่เขาคิดว่าจำเป็นเสียให้จบ ๆ ครั้นสาวเท้าไปถึงตัวเมือง เขาก็ถามขึ้นว่า “เจ้าบอกว่ากำลังหางานอยู่
อยากได้งานแบบไหนรึ"
เจ้าเร่งฝีเท้าให้เดินเคียงข้างในระดับเดียวกันกับเขา
ความเงียบเข้าแทรกระหว่างพวกเจ้าครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับสู่ทะเลอีก
จะเป็นเนื้องานใดก็คงปรับตัวได้”
เขาส่งเสียงอืมในลำคอ “เจ้าเคยออกทะเลมาก่อน? กี่ปี? ทำงานตำแหน่งอะไรและให้ใคร?" เขาถามพลางเปิดหนังสือประวัติบุคคลสำคัญอ่านไปด้วย
เป็นอีกครั้งที่สายตาเจ้าเลื่อนไปตามหนังสือในมือของเขา
“ถ้าพูดถึงช่วงที่เคยออกทะเลก็ 18 ปี” เจ้าตอบ “แต่ถ้าหมายถึงช่วงทำงานก็เป็นลูกเรือธรรมดามาเพียงแปดปีเท่านั้นแล”
เจ้าเห็นเขาเปิดพลิกหน้ากระดาษไปเจอรูปชายหนวดเฟิ้ม ก่อนจะเบนสายตาไปมองหนทางข้างหน้าเมื่อตระหนักว่าอาจกำลังจ้องหนังสือในมือของเขานานเกินไป
“ท่านทำงานที่ต้องออกทะเลอยู่หรือ”
"เจ้าตอบคำถามข้าให้ครบก่อนดีไหม"
ริมฝีปากเจ้ากระตุกยิ้ม
เหลือบมองวิธีที่เขาอ่านหนังสือ นัยน์ตาของเขาเคลื่อนผ่านตัวหนังสือไปโดยใช้เวลาไม่นาน
ก่อนที่มือของเขาจะพลิกไปหน้าถัดไป ดูเหมือนเขากำลังอ่านคร่าว ๆ อย่างรวดเร็ว
เจ้าพอจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้ได้
ดังนี้:
1. เขาคนนี้เป็นนักอ่าน และอ่านมามากเพียงพอที่จะเชี่ยวชาญการอ่านเร็ว
2. ไม่ชอบให้คนผูกมิตร
ไม่ไยดีการตีสนิท แต่ดูเหมือนจะพูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูด ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
“ข้าเคยอยู่อาศัยอยู่บนเรือโดยสารสิบสองปี”
เจ้าเอ่ยตอบ “เป็นลูกเลี้ยงกัปตันน่ะ เส้นทางก็ไป ๆ กลับ ๆ แถว ๆ
น่านน้ำที่สามถึงน่านน้ำที่หก แล้วออกมาท่องบนบกพักใหญ่ ก่อนจะได้ทำงานให้กัปตันแห่งเรือพาณิชย์ที่เน้นเดินทางไปกลับช่วงน่านน้ำที่หนึ่งกับที่หกนี่ล่ะ
ท่านที่เป็นทั้งกัปตันและพ่อค้าที่ข้าทำงานให้ชื่อว่าคามิลเลียส
เรือของเขามีนามเดียวกัน”
"เรือคามิลเลียส เคยได้ยินชื่อเหมือนกันแฮะ
แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเรือลำนั้น”
3. หูตาของเขาดูจะกว้างไกล ความทรงจำของเขาอาจจะดี
“พายุเข้า เรือล่ม—พวกเราก็รอดมาได้ส่วนหนึ่ง
ธุรกิจของท่านคามิลเลียสสืบต่อไปในนามอื่น ท่านเคยได้ยินมาเพียงนามเรือ? คงไม่เคยได้ยินถึงผู้ที่เคยเป็นสมาชิกเรือนั้นเท่าใดนัก?”
“อา... ไม่... เจ้าดูผิดหวังนะ? ข้าขอโทษด้วย เจ้ารอดมางั้นสิ
ทั้ง ๆ ที่เจอพายุจนเรือล่มมายังจะคิดกลับไปอีกงั้นหรือ?"
4. เขาก็มีจังหวะที่สามารถพูดอะไรด้วยน้ำเสียงสัตย์จริงและทีท่าจริงใจได้อยู่เหมือนกัน
“แน่นอน”—เจ้าชี้ไปที่สุดถนนฝั่งโน้น—“ทุกครั้งที่ข้าอยู่บนดิน
ข้ามองตรงไปแล้วพบว่าที่นี่ไม่มีอะไรให้ข้า
ข้าไม่ต้องการแผ่นดินเป็นของตัวเองหรืออิสตรีที่จะตั้งรกรากด้วยกัน”—หัวเราะเฝื่อน
ๆ—“ทางเท้าพาข้าไปไม่ไกลเท่าทะเล”
เขาส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงรับรู้ระคนครุ่นคิดพิจารณา
ก่อนจะปิดหนังสือแล้วหันมาหาเจ้า "ทุกอย่างที่เจ้าว่ามา" เขาชี้ไปทางสุดถนนฝั่งโน้น
แล้วชี้กลับมาที่เจ้า “ข้าเข้าใจละ ทีนี้สามข้อที่จะทำให้เจ้าได้งาน: 1. เชื่อฟังกฎ 2. ศีลธรรมต่ำกว่าคนทั่วไป... ลักขโมยจี้ปล้นฆาตรกรรมหมู่
3. ซื่อสัตย์ต่อกัปตันเรือ เจ้าทำได้ไหม" เขาว่าขณะนับนิ้วให้เจ้าดูไปพลาง ในขณะที่เจ้าพยายามนับสิ่งที่อยู่ในหัวของเจ้าเอง
5. เขาดูเหมือนจะมีวิถีชีวิตที่ไม่จำกัดขอบเขตเรื่องศีลธรรม
6. เขาเป็นโจรสลัด
เจ้าตอบอย่างไม่ลังเลว่าเชื่อว่าตนทำได้ ด้วยปรารถนาจะออกทะเลใจจะขาด
โดยไม่ว่าอะไรหากจะไปเรียนรู้รายละเอียดเอาทีหลัง มันก็เสี่ยงอยู่—มิใช่ว่าเขาไม่ดูอันตราย
แต่เจ้าก็มิใส่ใจความปลอดภัยของตนนัก ซ้ำยังพ่ายต่อความใคร่รู้เรื่อยไป อย่างน้อยก็ยังมิมีสิ่งใดเกี่ยวกับชายผู้นี้ที่ไม่ชวนติดตามมิใช่หรือ
เจ้าถามเขาเรื่องกฎเพิ่มเติม ในท้ายที่สุดเขาก็สรุปว่าจะชี้แจ้งเรื่องกฎทั้งหมดให้ในภายหลัง
(หากเจ้าได้เป็นลูกเรือล่ะก็ – เขาก็ไม่ได้เอ่ยออกมาตามตรง
แต่มันก็แฝงอยู่ในบทสนทนา) เขาแนะนำตัวกับเจ้าในฐานะรองกัปตัน
7. เขาเป็นทั้งผู้ตาม และผู้นำ
เจ้าก็อดไม่ได้ที่จะวกกลับมาตั้งข้อสังเกตที่เขาใช้คำว่า
‘ซื่อสัตย์’ กับกฎข้อที่สาม แต่แล้ว—
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรือเราเป็นวัดลอยน้ำลูกเรือทั้งลำเป็นฆราวาสถึงจะต้องคู่ควรกับค่ำว่าซื่อสัตย์”
เขาตอกเจ้ากลับอย่างหงุดหงิด “หัวหน้าก็คือหัวหน้า คือผู้นำ... แค่นั้นก็พอ
เจ้าต้องพร้อมรับใช้เขา นั่นคือสิ่งที่สำคัญ”
8. เขาเห็นว่าความพร้อมในการรับใช้เป็นสิ่งสำคัญ
9. เขามาจากเรือที่มีการมอบความซื่อสัตย์ให้กับผู้บังคับบัญชาสูงสุด
10. อย่างน้อย ตัวเขาเองก็ท่าจะให้ความสำคัญกับการมอบความซื่อสัตย์ให้กับกัปตันเรือ
11. กัปตันเรือของเขาอาจมีบางอย่างที่ควรค่าแก่การมอบความซื่อสัตย์ให้
“ข้าไม่ได้คิดว่ามันไม่คู่ควร
แต่มันมีเรือมากมายที่ลูกน้องถูกกดขี่ให้จำยอมโดยไม่จำเป็นต้องมีความซื่อสัตย์”
เจ้าหัวเราะแผ่วเบา “เอาล่ะ เอาเป็นว่าข้าพร้อมก็แล้วกัน” เจ้าผิวปากหวิว “รู้สึกอย่างกับไม่ได้รับใช้คนอื่นมานานแล้วแฮะ”
“ชอบรับใช้หรือ ก็ดีนะ” เขาพยักหน้า “ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรนะ”
12. เขาถามชื่อเป็นอย่างสุดท้าย
เจ้ามองว่านั่นคือลักษณะของการไม่ผูกติด
13. เจ้ามองว่า
เขามีแนวทางการร่ายรำบนทะเลอย่างมีอิสระ
“เชิร์ล—” ควรบอกชื่อเต็มไหม “เชอร์ลีย์
เซาธ์ซี” ก็ใช่ว่าเจ้าจะมีชื่ออยู่ในรายชื่อราษฎร มันก็เป็นเพียงตัวตนลอย
ๆ “แล้วแต่ท่านจะเรียก... ท่านล่ะ—อ้อ
แล้ว—นามของกัปตันท่านเล่า”
“ข้าอิกกี้ ส่วนกัปตันของข้า... ชื่อเดรญ่า
จามาล”
14. อิกกี้มีบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงทะเลทราย
แต่ไม่แห้งแล้งเท่า
15. อิกกี้เป็นคนแห่งทะเล
16. เดรญ่า—จากชื่อเสียงกระฉ่อนแห่งดูมดอว์นแล้ว—เขาเป็นเสมือนพายุอันโกรธกริ้ว
พายุแห่งอำนาจ และอิกกี้ก็ติดตามพายุแห่งความโกรธาและอำนาจ
เจ้าชะงักฝีเท้า กะพริบตาปริบ “เดรญ่าผู้นั้นน่ะหรือ”
เจ้าฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว พลางโค้งสวย ๆ ให้โดยเลียนแบบท่าของสตรีผู้ดี
“ฝากตัวด้วยแล้วกัน อิกกี้”
อิกกี้หลุดขำออกมานิดหน่อย "ทะลึ่งนักเชอร์ลีย์
ข้าจะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว เจ้ามีเวลาเก็บของหนึ่งคืน ขอโทษที่ต้องรวบรัด"
17. โอ้ เขาหัวเราะได้
18. และขอโทษได้ด้วย
“โอ ข้าสามารถทะลึ่งกว่านี้มาก” เจ้าไหวไหล่
รอยยิ้มขำระบายอยู่บนใบหน้า
พวกเจ้านัดเวลาและสถานที่จะพบกันในวันถัดไปคร่าว
ๆ ก่อนที่อิกกี้ก็สรุปว่า “ข้าจะพาเจ้าไปพบกัปตันพรุ่งนี้
แต่เจ้าจะได้ขึ้นเรือไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาชอบเจ้าหรือเปล่า เพราะงั้นทำตัวดี ๆ ล่ะ”
“โอ๊ะโอ่... ย่อมได้ ข้าจะเตรียมใจรอดูผลแล้วกัน
พบกันก่อนเที่ยงยาม ว่าแต่—จะมีคำใบ้ให้ไหมขอรับว่าท่านเดรญ่าชอบคนทำตัวแบบใด
ท่านรองกัปตัน”
“ดูจากข้าแล้วเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนแบบไหนล่ะ"
อิกกี้หัวเราะหึ ๆ “อีกอย่างเขาเป็นคนเลี้ยงข้ามาตั้งแต่สิบขวบก็ว่าได้”
19. อิกกี้เป็นบุรุษผู้โชคดี
เจ้ากลั้วหัวเราะ “คนขี้หงุดหงิดแต่มีแววน่าค้นหากระมัง...
ท่านโชคดีที่ได้อยู่ซื่อสัตย์กับใครมานานขนาดนั้น” ว่าแล้วก็กระแอมเล็กน้อย “ย่อมได้
ข้าจะลองเป็นในแบบที่คิดว่าท่านเดรญ่าอาจจะชอบแล้วกัน”
“ถ้าเจ้าโชคดีเจ้าก็จะได้อยู่นานโดยที่ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเจ้าหรือเรือเช่นกัน”
20. เขามองเห็นความเป็นไปได้ในแง่ร้าย
ซึ่งก็ดี ดีแล้ว
The End.