Pages

Sunday 23 August 2015

[RD] Rewind (2)

Notes:
- Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมู Rabbit Doubt
- มีสะกดผิดหรือติดขัดทักได้นะคะ
Prequel:
Rewind (1)
Other related works:
- Backstories: Wil-fred / Sand dollar / Control
- In-game: On His Deathbed






Rewind
(2)



ฉันตาย ด้วยมีดพร้า
_

จอห์นสันผิวปากเดินเข้ามาหา แล้วว่า “เป็นไงบ้าง ผลโหวตคืนนี้... 29 ไม่รอดจริง ๆ ด้วยแฮะ”

“อา ดีแล้ว ฉันว่าตอนนี้ใครเป็นหมอก็คงไม่มาช่วยเธอแหละนะ”—คล้ายว่าจังหวะนั้นฉันจะเผลอกระตุกยิ้มด้วย—แต่เขาก็ยังจ้องท่าทีของฉัน ไม่พูดอะไร ฉันจึงเอ่ยต่อ “อา แต่ในวันนี้นายคือคนที่โหวตฉันนี่นา ในที่สุดก็มีโอกาสถามแล้ว”—ฉันเคยบอกเขาว่า ฉันอยากรู้ว่าใครก็ตามที่โหวตฉันโหวตไปเพราะอะไร—“เพราะอะไรกันล่ะ”

เขามองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “ให้ตายเถอะ กวนคนที่ตรง ๆ นี่มันไม่สนุกจริง ๆ ด้วยแฮะ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ฉันคิดว่ายังไงผลก็เอกฉันท์อยู่แล้วเลยไม่โหวตก็ได้... แล้วฉันอยากรู้ว่านายจะทำท่ายังไงถ้าเห็นว่าฉันโหวตนาย แต่มันไม่น่าสนุกจริง ๆ ด้วยแฮะ” เขาว่าพลางเท้าคาง

ฉันกะพริบตาปริบ ก่อนจะหลุดเสียงที่ฟังดูคล้ายจะเกือบ ๆ จะหัวเราะ “อะไรกัน นายยอมโชว์โหวตออกสื่อเพื่อกวนใครบ้างคนอย่างนั้นรึ”

—จะว่าไปแล้ว ช่วงเวลาที่ได้คุยกับจอห์นสัน ได้หัวเราะไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนนั้น

“นายไม่เข้าใจหรอก! เพราะไม่ออกสื่อต่างหากมันถึงได้ไม่มันส์ ในขณะที่คนอื่นอาจจะคิดว่า อ่ะ ไอหมอนี่เกลียดวิลเฟรดสินะแต่จริง ๆ แล้วฉันแค่อยากเห็นใครซักคนมาโมโหในเรื่องไร้สาระ ๆ ก็เท่านั้น”

ความรู้สึกอยากแบบนั้น มันอยู่ที่ไหนกันนะ

บางทีถ้าฉันมีเพื่อนที่สามารถคุยตัวต่อตัวและออกไป... เที่ยว... หรือสนุกด้วยกันได้ คนคนนั้นอาจเป็นแบบจอห์นสัน คนที่จะทำอะไรบ้าบอ เพียงเพื่ออยากเห็นใครโมโหเรื่องไร้สาระ คนที่จะทำให้ฉันรู้ว่าการหัวเราะเป็นเรื่องปกติ

_

นี่ครั้งที่สามแล้วนะที่นายให้ของฉันเนี่ย...จอห์นสันกล่าว

เขามักจะแสดงท่าทีเหมือนไม่ไยดีคนอื่น แต่มันเหมือนกับว่าเขาแปลกใจทุกครั้งที่ฉันให้อะไรกับเขา คนที่ไม่ไยดีคนอื่นจริง ๆ เขาทำแบบนี้รึ ใส่ใจในสิ่งที่ได้รับ และแสดงท่าทีคล้ายอยากจะตอบแทนอะไรสักอย่าง ทั้งที่ในสองครั้งแรก—ทูน่า 1 กระป๋องกับขนมปัง 1 แพ็ค—ฉันก็กะจะให้เขาแต่แรกแล้ว ทั้งที่ความจริงน่าจะให้อะไรที่มีสารอาหารหลากหลายหน่อย... เช่น กล้วย... กับเคลเองก็เหมือนกัน ฉันรู้เพียงแต่ฉันคว้าของโน่นนี่ออกมาจากห้องเสบียง แล้วตอนให้มันกับคนอื่นก็ไม่ได้จัดสรรมันตามสารอาหารเป็นพิเศษ

ครั้งที่สามก็เป็นเพียงกระดาษบันทึกข้อมูล ที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีประโยชน์แค่ไหน

_

ปกติแล้ว ฉันมีเพื่อนไม่มาก จะมีคนหนึ่งก็คือสมอลพีซ เพื่อนในอินเตอร์เน็ต ซึ่งฉันมาค้นพบที่มีตติ้งว่าเป็นศิลปินชื่อดังคนหนึ่ง... Mosaics เป็นศิลปะแนวที่ฉันชอบ โดยเฉพาะเมื่อดูคู่กับประวัติศาสตร์ของกรีกและโรมัน แต่เป็นแขนงที่ฉันไม่เคยลองแตะ อันที่จริง นอกจากสีน้ำมันแล้ว ฉันก็ไม่ทันฝึกฝนตัวเองให้เชี่ยวชาญด้านอื่นสักเท่าไร ช่วงเวลาในชีวิตของฉันเสียไปกับ ED อยู่ไม่น้อย แม้กระทั่งเมื่อถึงเวลาที่ฉันเหนื่อยตลอดเวลาและแทบไม่มีสมาธิ ฉันก็จะเดินไปเรื่อย ๆ ให้ทั่วบ้านตลอดช่วงครึ่งวัน—หรือเท่าที่ไหว เพียงเพื่อจะเผาผลาญแคลอรี

สมอลพีซเป็นชื่อที่ฉันชอบมาตั้งแต่แรก คงเพราะฉันชอบชิ้นส่วนเล็ก ๆ... สิ่งสวยงามในสายตาของฉันมักจะอยู่ในสิ่งที่เล็กและเปราะบาง จะว่าไปแล้ว ถ้าฉันจะเอ่ยถึงเขากับใคร ฉันก็จะพูดว่าเขาเป็นหนึ่งในเพื่อนของฉัน แต่อันที่จริง เขาก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันเลือกชวนมาทดสอบความกล้าด้วยกัน ฉันตั้งใจจะออกจากบ้าน มาทดสอบความกล้า เป็นการทำอะไรแปลกใหม่สำหรับคริสต์มาส มีคริสต์มาสส่วนตัวของฉัน ก่อนที่จะไปตายเงียบ ๆ  ฉันคิดไว้แล้วด้วยว่าจะเป็นอพาตเมนต์ไหนในเมือง ฉันว่าจะทำเอ้กน็อกให้ตัวเองสักแก้ว ฉันชอบทำอาหารเอง... ที่อพาตเมนต์นั่นจะได้รับการทำความสะอาดจนน่าใจหาย

แต่ฉันก็ไม่ได้ไป ฉันไปติดอยู่ในเกมหนึ่ง ซึ่ง... ในท้ายที่สุดแล้ว เป็นที่ที่เหมาะแก่การจากไปของฉันยิ่งกว่าที่ไหน – อาหารที่วางจัดไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน... อยู่ในที่ที่มันควรจะอยู่ ที่ที่ทุกคนคิดเรื่องอื่นมากมายเกินกว่าที่จะถามว่าวันนี้ฉันกินอะไรรึยัง ที่ที่ฉันได้ทำอะไรสุดโต่งจนลืมความเบื่อหน่าย ที่ที่ฉันได้พบกับใครคนหนึ่งที่คล้ายกับฉันเสียเหลือเกิน – เคล คนที่ฉันขอให้เขาฆ่าฉันอย่างเห็นแก่ตัว เพราะฉันรู้ดีว่าฉันจะไม่ใช่คนเก็บกวาดแก้วที่แตกเมื่อตัวเองจากไป ฉันรู้มาตั้งแต่ตัดสินใจที่จะตาย แต่อย่างน้อย ถ้าเคลพร้อมจะลงมือ ฉันจะได้ไม่ต้องตายคนเดียว

ฉันขี้ขลาดแบบนั้น มาแต่แรก

_

ในวันที่อัลดีไฮด์แขวนคอ ฉันไปดู ส่วนหนึ่งอาจเพราะอยากดูให้แน่ใจว่าเธอจะถูกแขวนโดยไม่ร่ำไร อีกส่วนหนึ่ง คงเพราะฉันคาดเดาเอาไว้ว่าวันนี้ฉันจะตาย... สักที... จะไปดูก็ไม่เสียหาย แล้วฉันก็เจอวาเลนที่นั่น คนที่พูดว่าโกรธก่อนจะหัวเราะออกมานั่น เขาบอกว่าอัลดีไฮด์ฝากฝังอะไรสักอย่าง แต่เขาจำไม่ได้... หรือก็คือแกล้งลืม—เห็นเขาว่าอย่างนั้น ตอนนั้นฉันก็เพียงแต่คิดว่าฝากอะไรเขาสักอย่างก็คงจะไม่เป็นไร หากเขาแกล้งลืมได้ มันก็อาจไม่เป็นภาระกับเขามากนัก

ถ้าฉันตายก่อน ช่วยดูไม่ให้ศพของฉันออกไปให้โลกภายนอกหาได้... เท่าที่สามารถทำได้

ถ้าฉันไม่ตายก่อน มันก็หมายความว่า เขาจะตายก่อน ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะคิดยังไง อาจจะเสียดาย อย่างน้อยคงเสียดายสมองของเขา (His brain is as bright as his hair.) ฉันไม่เคยบอกจอห์นสันให้ช่วยดูวาเลนไม่ให้เป็นอันตราย เพราะนั่นก็คงเสียมารยาทกับสิ่งที่เขาเคยฝากไว้ น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่ฉันไม่เคยบอกกับเขาว่า ฉันไม่อยากฆ่าเขา แม้จะแน่ใจว่า หากเวลามาถึง ฉันจะทำได้อย่างแน่นอน แต่หากเวลานั้นมาถึงจริง ๆ  ฉันจะเดินไปหาเคล แล้วให้เขาประสบสิ่งเดียวที่ฉันอาจจะประสบตอนฆ่าวาเลนอย่างนั้นหรือ

อย่างนั้นสินะ

_

ว่าด้วยวาเลน

พวกเราเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนมีตติ้ง แต่ในเวลานั้นมีทั้งเอลี่และสมอลพีซ จนแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับคนอื่น ๆ ที่เงียบจนน่าประหลาดใจ วาเลนมักจะเล่นมือถือระหว่างมีตติ้ง ฉันจึงรู้สึกเหมือนได้คุยกับเขาครั้งแรกก็เมื่อตอนที่เกมเริ่มขึ้นแล้ว

ผมสีแดง... สำเนียงเดียวกัน

(His hair is as bright as the sun.)

_

มันก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว นานกว่าที่ฉันจำได้... ที่ดินของแม่ – ที่ไร่สตรอเบอร์รี่ มีคนพูดถึงลุงแก่ที่ไม่มีใครรัก เพราะแกอ้วนและเอาแต่กิน—ดื่มเหล้าด้วย เป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ลุงลงพุง แล้วก็บทสนทนาเล็ก ๆ กับพี่สาว เธอพูดถึงเพลโต เกรี้ยวกราดกับมุมมองของเขาที่มีต่อสตรีเพศ—แม้เธอจะพอเข้าใจได้จากการที่เขาเป็นคนของยุคสมัยนั้น ฉันหยิบหนังสือของพี่มาอ่านส่วนหนึ่ง มีจุดหนึ่งที่น่าฉงนสงสัย เพลโตกล่าวไว้ว่า ความรักก็สามารถเป็นเรื่องของทางกายด้วย และความรักก็สามารถเป็นเรื่องของจิตวิญญาณด้วย แต่เพลโตอ้างอิงถึงร่างกายอันสวยงามของเด็กผู้ชาย – มาตรฐานของความสวยงาม ตัวอย่างของความสมบูรณ์แบบ

“แล้วนี่นายจะกินสตรอเบอร์รี่ทั้งโหลนั่นเลยเหรอ” พี่ถาม

ฉันก้มมองขวดโหลสตรอเบอร์รี่ที่ถืออยู่ คุณป้ารีเบคก้าที่ไร้สตรอเบอร์รี่เด็ดก้านมันออกแล้วใส่ให้ “ป้ารีเบคก้าบอกว่าถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวมันจะเสีย”

—หลายปีต่อมาฉันได้พบเพื่อนหญิงในวัยเด็กของฉันครั้งสุดท้ายที่ทุ่งสตรอเบอร์รี่นั่น

แล้วเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้น ฉันมีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่ง: ห้ามกินอะไรก็ตามจากขวดโหล เพราะนายจะเห็นปริมาณที่นายกินไม่ได้ชัดเจน

ฉันไม่ได้พยายามจะสื่อว่าทั้งหมดที่ว่ามานั้นเชื่อมโยงกัน ฉันเพียงแต่คิดว่า ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่สามารถกินสตรอเบอร์รี่ทั้งหมดจากขวดโหลนั่น โดยไม่—

แต่มันสำคัญตรงไหน

_


เคล ถ้าเป็นนาย จะพูดอะไรกับฉันก่อนฉันจะไป



The End.

Friday 14 August 2015

[RD] Control

Notes:
- Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมู Rabbit Doubt
- เป็นส่วนหนึ่งของ backstories
Other related works:
Backstories: Wil-fred / Sand dollar 
In-game: On His Deathbed / Rewind






Control
3.


The hunger intensified – it kept his head above the water. There was no going back, surely. Once you correlated being thin with perfection, and chose perfection over happiness… there was hardly a proper way to go back. He stopped being scared for others, for himself, for them, for us – if people would like to pretend that such things exist. It would’ve been nice to know that you care, they said. The thing is I don’t know if I do, he replied. That was only a partial of the truth. He believed he felt it – caring, that is. He just lost track of expressing it, somewhere.

It is a universal truth that nobody loves a bad child. At least in a child’s—or a teenager’s—distorted perspective, it is universal. They always said that he has to be in control. Even when they didn’t say it out loud, there was a suggestive look that he should be. He wasn’t good the way he was, but he was considered as being good when he started to exercise more—when his effort could be seen physically.

Then, it came the day when his singing teacher mentioned how his vocal range had deteriorated. She noticed how thin he looked, and suggested that he should gain a bit of weight. Hell no. He knew, really, that his muscles had gotten weak. The diaphragm is a muscle system. The voice is… also a muscle.

“Your sister said you’ve been exercising quite a lot lately, ay?”

“Did she?” He asked, trying to play innocent.

 “Yeah, too much exercise can be—you know, never mind that. Just eat a bit more. Regain your energy, ay?”

“Er. Hmph. Actually, how do I put this…” He went on to say that his singing was distracting him from his studies…

He quit singing.

His sister asked him whether he was fine later that day. Of course, I’m fine, he said. He always said he was fine. He no longer cried nor smiled nor confused. He. Was. Fuckin’. In. Control.

Nobody was going to take that away, or so he thought.

He’d keep bits and pieces of himself in silence. He would be in control of his body, and therefore of his mind. He would always be fine, and good.

(Please don’t follow me when I’m gone.)



The end.

Friday 7 August 2015

[RD] Rewind

Notes:
- Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมู Rabbit Doubt
- อยากแปะเก็บไว้ที่นี่ ถ้ามีตอนต่อก็คงมาเก็บไว้ที่นี่เหมือนกัน
- มีสะกดผิดหรือติดขัดทักได้นะคะ orz
Other related works:






Rewind

(1)



ถ้าหากว่าไม่มีแรงกระตุ้น ฉันคงจะวางตัวคล้าย ๆ—หมายเลข 14 กับ 17

พวกหมาป่าเลือกจำกัดคุณศิลปะในคืนแรก (เอเดน) และคุณอิสรภาพ (อัสลี) กับคุณความกล้า (ลีอาร์) ในคืนที่สอง

มันก็เพียงพอที่จะเป็นแรงกระตุ้น เพราะว่าเริ่มน่าเบื่อเสียแล้วสิ

_

ถ้า... ไม่รอด

ต้นคริสต์มาสของสมอลพีซคงจะเสร็จ ฉันอาจจะได้ถามอัสลีว่าจริง ๆ แล้วการเป็นแบ็คแพ็คเกอร์นั้นเป็นยังไง ฉันอาจจะเพจเจอร์บอก GM ว่า ขอบคุณ สำหรับประสบการณ์ ฉันคงอวยพรให้เรียวกลับบ้านดี ๆ  ฉันคงถามจอห์นสันว่า เราเป็นเพื่อนกัน รึเปล่านะ  ฉันคงบอกเคลว่า ฉันอยากจะอยู่ต่อ  ฉันคงพูดกับวาเลนว่า กลับไอร์แลนด์ด้วยกันเถอะ

และหากพบกันอีก _____

ฉัน _____ นะ

ช่องว่างบางจุดก็เติมไม่ได้

_

ว่าด้วย... เรื่องเดิม ๆ

บางทีฉันอาจจะไม่ได้ขาดทั้งความมุ่งมั่นและแรงกระตุ้น สถิติคือหนึ่งในสี่ของ Anorexics ตายก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือได้ทันเวลา อาจพูดได้ว่าจากแง่มุมของ คนป่วยทางจิต—อย่างที่เขาเรียกกัน—ฉันล้มเหลว ฉันกินอาหารเพื่อให้คนในครอบครัวพอใจ อาหารไม่ต่างอะไรกับการทานยา ฉันสูญเสียความรื่นรมย์ในการทานอาหารไปแล้ว และใช้ชีวิตเหมือนกำลังเล่น Russian roulette  หลังจากที่เคยถูกส่งเข้าโรงพยาบาลมาครั้งหนึ่ง ฉันก็กลับบ้านทันทีที่แพทย์อนุญาต—ก่อนจะเกิดเหตุเสียน้ำตาหน้าเครื่องชั่งน้ำหนัก (11 กิโลฯ เชื่อรึเปล่า) แล้วเริ่มดำเนินการเสียน้ำหนักทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมาในทันที ไม่นานเสียไปเพิ่มยิ่งกว่านั้น (15 กิโลฯ) แต่พยายามคำนวณไม่ให้ต้องกลับไปอยู่ใต้หลังคาโรงพยาบาลอีก ฉันต้องระวังไม่ให้ตัวเองดื่มกาแฟมากเกินไปในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยได้กินอาหาร (เอสเพรซโซ่ 1 oz มี 1 แคลอรี) เนื่องจากร่างกายอ่อนแรง และมีความเสี่ยงที่ชีพจรจะเต้นช้าเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ (ฉันเองก็กลัวตายสินะ) ฉันยอมรับที่จะเริ่มบำบัดโรคซึมเศร้า แต่ไม่ยอมรับการบำบัด ED  ถ้าจำไม่ผิดฉันเหมือนจะพูดกับคนในครอบครัวด้วยซ้ำว่า ฉันจะไม่ให้ใครแตะ ED ของฉัน ทำราวกับว่ามันกลายเป็นของของฉัน

แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของฉันจริง ๆ  ทุกวันคือสงคราม ฉันจะควบคุม ED ได้ รึจะปล่อยให้มันควบคุมฉัน

_

กดปุ่มกรอเทปกลับ

“ท่าทางจะชอบงานศิลปะงั้นสินะครับ” วาเลนมีรอยยิ้ม “อืม เอาศพไปตรึงไว้กับผนังแบบคราวนี้จะเรียกว่าตกแต่งได้หรือเปล่านะ นี่ ผมฝากคุณฆ่าผมหน่อยได้หรือเปล่า

เหมือนว่าเขาเองก็หมดแรงกระตุ้นล่ะมั้ง ขี้เกียจ... ในแบบที่ฉันเองก็พอเข้าใจ ทั้งที่ท่ามกลางบุคลิกเฉื่อยชานั่น ความคิดของเขาดูเหมือนจะเคลื่อนไหว เชื่อมโยง แตกแขนงออกไปอย่างต่อเนื่อง การคุยกับเขาจึงเหมือนกับการเดินทาง แม้ว่าเราจะไม่ได้เคลื่อนไปไหน แต่ก็เหมือนได้กลับไปไอร์แลนด์ เขาเพียงแต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะขายความคิดของเขาให้ใคร หรือบางทีอาจไม่คิดว่าจำเป็นที่จะต้องแบ่งปันในรูปแบบที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจ แต่เขาอ่านฉันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง...ทุกส่วน—อย่างน้อยฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ฉันก็ปล่อยให้มันเป็นไป

ฉันนึกภาพว่าฉันทำได้... ถ้าจะฆ่าเขา ฉันคงใช้มีดสวิส ฉันจะอยู่กับเขาจนกว่าทุกอย่างจะจบลง

ฉันเสนอที่จะฆ่าเขาวันนั้น – วันที่เขาฝากให้ฉันฆ่า แต่ดูเหมือนเขายังมีอะไรที่กะว่าจะทำ ฉันจึงตั้งใจว่าจะฆ่าเขา หลังจากผลโหวตวันพรุ่งนี้ออก

วันพรุ่งนี้ของฉันไม่ได้มาถึง

_

ฉันอยากจะ _____

_

ต่อให้เช็ดต้นคริสต์มาสโมเสคที่เปื้อนเขม่านั่น...

ว่าจะเอาหัวของนาโอะไปวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาส แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ



To be continued?